ตราประจำจังหวัดอุบลราชธานี
รูปดอกบัวตูม และดอกบัวบาน ชูช่อก้านใบเหนือหนองน้ำ เป็นสัญลักษณ์ ระลึกถึงชาวเมืองหนองบัวลำภู ในเขตจังหวัด อุดรธานี..และเป็นจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน ภายใต้การนำของพระวอและบุตรหลานพระตา ที่อพยพหนีภัยสงครามกับเมืองเวียงจันทน์ ลงมาตั้งรกรากในเขตจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อประมาณ พ.ศ.2312 ต่อมาชุมชนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "เมืองอุบลราชธานี ศรีวนาลัย" เมื่อเดือน 8 แรม 1 ค่ำ ปีชวด พ.ศ.2335 ในรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชองค์ปฐม บรมราชจักรีวงศ์ เป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกถึงชาวเมืองหนองบัวลุ่มภู ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ของนครเวียงจันทร์ เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
คำขวัญจังหวัดอุบลราชธานี
เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี
มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน
ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม
งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์
ธงประจำจังหวัดอุบลราชธานี
ด้านบนของธง จะมีรูปดอกบัวสีชมพูบาน ปักอยู่บนพื้นสีชมพู ด้านล่าง จะมีอักษรสีขาวคำว่า "อุบลราชธานี" ปักอยู่บนพื้นสีเขียว
ต้นไม้ประจำจังหวัดอุบลราชธานี
ชื่อพรรณไม้: ยางนา
ชื่อวิทยาศาสตร์: Dipterocarpus alatus
เมื่อปี พ.ศ. 2319 เจ้าพระวอ อพยพไพร่พลจากนครจำปาศักดิ์ (ประเทศสาธารณรัฐประชาธิบไตยประชาชนลาว) ตั้งมั่นอยู่ที่ดอนมดแดงริมฝั่งแม่น้ำมูล และมีหนังสือขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อพระเจ้าสิริบุญสาร (เจ้าเมืองนครเวียงจันทร์) ทราบเรื่องจึงแต่งตั้งให้พระยาสุโพ คุมกองทัพมาตีพระเจ้าวอดอนมดแดง แล้วล้อมจับพระเจ้าวอได้ จึงให้ประหารชีวิตเสีย
ท้าวก่ำ บุตรพระเจ้าวอ ท้าวคำผง ท้าวทิดพรหม บุตรพระเจ้าตา หลบหนีไปได้ และแจ้งเรื่องมายังเมืองนครราชสีมา ให้นำความกราบบังคมทูลพระเจ้ากรุงธนบุรีเพื่อขอกำลังไปช่วย ในปี พ.ศ. 2321 พระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก) ยกกองทัพไปตีเมืองจำปาศักดิ์และเวียงจันทร์ แล้วยึดเมืองทั้งสองไว้และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกับพระบางมายังกรุงธนบุรี พร้อมกับคุมตัวเจ้านครจำปาศักดิ์ลงมาด้วย
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรดฯ ให้เจ้านครจำปาศักดิ์กลับไปครองจำปาศักดิ์ ดังเดิมโดนเป็นเมืองประเทศราชขึ้นตรงต่อกรุงธนบุรี นับแต่นั้นมา ท้าวคำผง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดฯ ให้ตั้งเป็นพระปทุมสุรราชภักดี ขึ้นกับเมืองจำศักดิ์
ในปี พ.ศ. 2323 เมืองเขมรเกิดการจลาจล พระปทุมฯ ท้าวทิดพรหม และ ท้าวคำสิงห์ ได้ร่วมกันยกทัพไปปราบพร้อมกับเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ทางกรุงธนบุรีเสียก่อน พระปทุมฯ จึงได้ติดตามกองทัพไปกรุงธนบรีด้วย
การสถาปนาเมืองอุบลราชธานี
ครั้นเมื่อสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติแล้ว เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ในแผ่นดินรัตนโกสินทร์ มีพระประสงค์จะรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงเพื่อความสงบสุข และเพื่อเป็นการสนองพระบรมราโชบาย พระปทุมฯ จึงขอพระราชทานย้ายครอบครัวไปตั้งภูมิลำเนาที่บ้านห้วย แจะระแม (ใกล้กับเมืองอุบลราชธานีในปัจจุบัน) และท้าวคำสิงห์ย้ายไปอยู่บ้านสิงห์โคก สิงห์ท่า (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร)
ต่อมาได้เกิดกบฏอ้ายเชียงแก้ว ชาวเมืองโขง ซึ่งแสดงตนเป็นผู้วิเศษ ยกกำลังไปล้อมเมืองจำปาศักดิ์ ขณะที่เจ้านครจำปาศักดิ์กำลังประชวรหนัก พระปทุมสุรราชภักดี และท้าวฝ่ายหน้าพากันยกกำลังไปปราบปะทะกับอ้ายเชียงแก้วที่แก่งตะนะ จับอ้ายเชียงแก้วได้จึงประหารชีวิตเสีย เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบในการทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ ท้าวฝ่ายหน้า บุตรเจ้าพระตา เป็นเจ้าพระวิไชยราชขัตติยวงศา ครองนครจำปาศักดิ์สืบแทนพระเจ้าองค์หลวง และให้พระประทุมสุรราชภักดี เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ ยกฐานะบ้านแจะระแม ขึ้นเป็น เมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย เมื่อวันทร์จันทร์เดือน 8 แรม 13 ค่ำ ปีชวด พ.ศ. 2335 ต่อมาพระปทุมฯ เห็นว่าบ้านแจะระแม ไม่เหมาะที่จะตั้งเป็นเมืองใหญ่ จึงได้ย้ายมาตั้งบ้านเรือนที่ ตำบลบ้านร้าง เรียกว่า ดงอู่ผึ้ง ริมฝั่งแม่น้ำมูล อันเป็นที่ตั้งเป็นของจังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน พร้อมกับได้สร้างวัดหลวงขึ้นเป็นวัดแรก
เมืองอุบลราชธานีได้มีเจ้าเมืองสืบทอดกันมาถึง 4 คน ตราบจนถึง 2425 จึงได้มีการแต่งตั้งข้าหลวงและผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลการปกครองจนถึงปัจจุบัน
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของคุกกี้ที่เราจัดเก็บ เหตุผลในการใช้คุกกี้ และวิธีการตั้งค่าคุกกี้ได้ใน นโยบายคุกกี้ และ คำแถลงว่าด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล